ในที่สุดก็ถึงวันออกเดินทาง
สวัสดีครับทุกคนนี่เป็นบล็อกแรกของเราที่เริ่มเขียน ขอเกริ่นหน่อยแล้วกันหลังจากที่เพิ่งเรียนจบก็ไม่รู้จะทำอะไรต่องานก็ยังไม่อยากทำเลยลองหาข้อมูลในการไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วจะไปเรียนอะไรหล่ะ!
นั่นแหละปัญหาใหญ่ก็เลยลองย้อนกลับไปดูว่าเรายังขาดประสบการณ์ด้านไหนบ้าง สุดท้ายก็หาจนเจอนั่นคือ "ภาษาอังกฤษ" หลังจากเจอเป้าหมายแล้วก็เริ่มหาประเทศที่น่าไป ราคาไม่แพงและเอเจนซี่ที่เอาใจใส่นักเรียนไม่ทิ้งเด็กแอบเรื่องมากนิดนึง..อิอิ แตยังไงก็ช่างเราต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดเสมอใช่มั้ยละครับ จนกระทั่งมาเจอโคลงการ Work and study ที่ฟิลิปินส์ของ Engclues เฮ้ยยยย ไกล้บ้านเรามากไม่ต้องเสียค่าเดินทางเยอะและไม่ต้องไปไหนไกลมีอะไรพ่อแม่ก็สามรถช่วยเหลือได้ตลอดเพราะใช้เวลาในการเดินทางแค่ไม่กี่ชั่วโมง
หลังจากเจอประกาศผ่านทางเว็บไซต์แล้วก็จัดการสมัครทันทีโดยการเขียนเรซูเม่ส่งไปไม่ถึงอาทิตย์พี่เขาก็ตอบกลับมาให้รอการสัมภาษณ์ผ่านทางสไกส์กับผู้จัดการโรงเรียนที่นั่น พอถึงวันที่ต้องสัมภาษณ์ปรากฎว่าการสัมภาษณ์ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่เพราะสัญญานอินเทอร์เน็ตที่ฟิลิปินส์ค่อนข้างช้ากว่าไทยทำให้มีกระตุกบ้างแต่ก็ยังพอเดาคีย์เวิร์ดได้อยู่ทำให้ผ่านการสัมภาษณ์มาได้ จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับบางวันเท่านั้นแต่ดันมาเจอกับเราซะได้ พอถึงช่วงที่ต้องเตรียมเอกสารพวกพี่ๆเขาก็ช่วยอย่างเต็มที่ และพี่ๆที่ Engclues ก็เป็นกันเองและน่ารักมากมีปัญหาก็รีบจัดการให้ทันทีไม่ปล่อยไว้นาน
พอถึงวันที่ต้องเก็บกระเป๋าเตรียมข้าวของที่จำเป็นต้องใช้แน่นอนว่าในนั้นต้องมีมาม่าปลากระป๋องตามประสาคนไทยขาดอะไรก็ได้แต่ห้ามขาดมาม่าและปลากระป๋องอ่อ..แล้วยังมีน้ำพริกนู่นนี่นั่นอีกด้วย และสุดท้ายไม่ลืมที่จะช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าเพราะว่าจะได้มีชุดที่ใส่เรียนและทำงานได้สะดวก แต่ที่พีคที่สุดคือซื้อมาเยอะเกินไม่สามารถเอาใส่กระเป๋าได้หมดเลยต้องทิ้งไว้บ้านบางส่วน
ถึงวันเดินทางก็ไม่ลืมเช็คของจำเป็นเช่น กระเป๋าตัง พาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบิน จากนั้นยกกระเป๋าขึ้นรถแล้วไปสนามบินเตรียมเดินทางได้เลย พอถึงสนามบินก็ไปต่อแถวเช็กอินที่เคาเตอร์ S แต่อันนี้แล้วแต่วันนะว่าจะเช็กอินเคาเตอร์ไหนไปดูที่บอร์ดชัวที่สุด
ในการเดินทางควรไปให้ถึงสนามบินก่อน 2-3 ชั่วโมงดีที่สุดเพราะเดี๋ยวจะตกเครื่องเอาได้ถ้าไปช้ากว่านี้ พอเดินไปถึงเคาเตอร์ S ตกใจ ! คนเยอะมากต้องต่อแถวอีกอุตส่าว่าจะไปเดินเล่นดูของ Duty free ซะหน่อย
หลังจากเช็กอินแล้วก็เดินตรงมาที่ทางที่จะป้ายผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศทางที่คุ้นเคยเนื่องจากตัวเราเคยฝึกงานที่คิงเพาเว่อร์สุวรรณภูมิแต่คราวนี้ไม่ได้ไปช่องทางของพนักงานแต่ไปในฐานะนักท่องเที่ยวเลยกะว่าจะไปหาอะไรชิมฟรีซะหน่อย
นั่นแหละปัญหาใหญ่ก็เลยลองย้อนกลับไปดูว่าเรายังขาดประสบการณ์ด้านไหนบ้าง สุดท้ายก็หาจนเจอนั่นคือ "ภาษาอังกฤษ" หลังจากเจอเป้าหมายแล้วก็เริ่มหาประเทศที่น่าไป ราคาไม่แพงและเอเจนซี่ที่เอาใจใส่นักเรียนไม่ทิ้งเด็กแอบเรื่องมากนิดนึง..อิอิ แตยังไงก็ช่างเราต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดเสมอใช่มั้ยละครับ จนกระทั่งมาเจอโคลงการ Work and study ที่ฟิลิปินส์ของ Engclues เฮ้ยยยย ไกล้บ้านเรามากไม่ต้องเสียค่าเดินทางเยอะและไม่ต้องไปไหนไกลมีอะไรพ่อแม่ก็สามรถช่วยเหลือได้ตลอดเพราะใช้เวลาในการเดินทางแค่ไม่กี่ชั่วโมง
หลังจากเจอประกาศผ่านทางเว็บไซต์แล้วก็จัดการสมัครทันทีโดยการเขียนเรซูเม่ส่งไปไม่ถึงอาทิตย์พี่เขาก็ตอบกลับมาให้รอการสัมภาษณ์ผ่านทางสไกส์กับผู้จัดการโรงเรียนที่นั่น พอถึงวันที่ต้องสัมภาษณ์ปรากฎว่าการสัมภาษณ์ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่เพราะสัญญานอินเทอร์เน็ตที่ฟิลิปินส์ค่อนข้างช้ากว่าไทยทำให้มีกระตุกบ้างแต่ก็ยังพอเดาคีย์เวิร์ดได้อยู่ทำให้ผ่านการสัมภาษณ์มาได้ จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับบางวันเท่านั้นแต่ดันมาเจอกับเราซะได้ พอถึงช่วงที่ต้องเตรียมเอกสารพวกพี่ๆเขาก็ช่วยอย่างเต็มที่ และพี่ๆที่ Engclues ก็เป็นกันเองและน่ารักมากมีปัญหาก็รีบจัดการให้ทันทีไม่ปล่อยไว้นาน
พอถึงวันที่ต้องเก็บกระเป๋าเตรียมข้าวของที่จำเป็นต้องใช้แน่นอนว่าในนั้นต้องมีมาม่าปลากระป๋องตามประสาคนไทยขาดอะไรก็ได้แต่ห้ามขาดมาม่าและปลากระป๋องอ่อ..แล้วยังมีน้ำพริกนู่นนี่นั่นอีกด้วย และสุดท้ายไม่ลืมที่จะช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าเพราะว่าจะได้มีชุดที่ใส่เรียนและทำงานได้สะดวก แต่ที่พีคที่สุดคือซื้อมาเยอะเกินไม่สามารถเอาใส่กระเป๋าได้หมดเลยต้องทิ้งไว้บ้านบางส่วน
ถึงวันเดินทางก็ไม่ลืมเช็คของจำเป็นเช่น กระเป๋าตัง พาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบิน จากนั้นยกกระเป๋าขึ้นรถแล้วไปสนามบินเตรียมเดินทางได้เลย พอถึงสนามบินก็ไปต่อแถวเช็กอินที่เคาเตอร์ S แต่อันนี้แล้วแต่วันนะว่าจะเช็กอินเคาเตอร์ไหนไปดูที่บอร์ดชัวที่สุด
ในการเดินทางควรไปให้ถึงสนามบินก่อน 2-3 ชั่วโมงดีที่สุดเพราะเดี๋ยวจะตกเครื่องเอาได้ถ้าไปช้ากว่านี้ พอเดินไปถึงเคาเตอร์ S ตกใจ ! คนเยอะมากต้องต่อแถวอีกอุตส่าว่าจะไปเดินเล่นดูของ Duty free ซะหน่อย
หลังจากเช็กอินแล้วก็เดินตรงมาที่ทางที่จะป้ายผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศทางที่คุ้นเคยเนื่องจากตัวเราเคยฝึกงานที่คิงเพาเว่อร์สุวรรณภูมิแต่คราวนี้ไม่ได้ไปช่องทางของพนักงานแต่ไปในฐานะนักท่องเที่ยวเลยกะว่าจะไปหาอะไรชิมฟรีซะหน่อย
พอถึงจุดนี้ก็แสดงบอร์ดดิ้งพาส และพาสปอร์ตให้กับพี่ๆพนักงานหน้าบรรไดเลื่อนได้เลย
จากนั้นก็เดินขึ้นบรรไดเลื่อนมา แล้วเตรียมตัวพร้อมรับการตรวจร่างกายได้เลย
พอผ่านทุกอย่างมาได้ก็จะเจอกับด่านตรวจพาสปอร์ตอีกด่าน จะเขียนว่าผู้ถือพาสปอร์ตไทยเลี้ยวขวา พสาปอร์ตต่างชาติเลี้ยวซ้าย
จากนั้นพอผ่านทุกอย่างมาแล้วก็จะเจอกับคิงเพาเวอร์เดินทักทายพี่ๆที่ทำงานเก่าแล้วมารอขึ้นเครื่องเลยเพราะไกล้เวลาแล้ว
จากนั้น 3 ชั่วโมงโดยประมาณก็มาถึงมะนิลาแล้วเดินออกมาจากเครื่องแล้วเลี้ยวซ้ายแล้วก็ลงบันไดเลื่อนเเรกจะมาเจอกับด่านตรวจคนเข้าเมืองของฟิลิปินส์
พอผ่านมาได้ก็มารอกระเป๋าซึ่งอยู่ไกล้ๆกันแต่จำได้ว่าบนเครื่องประกาศว่าอยู่สายพานที่ 4 แต่รอนานแล้วไม่มาเลยเดินไปสายพานที่ 5 ปรากฏว่ากระเป๋าออกช่องที่ 5 นี้ขนาดประกาศบนเครื่องนะเนี้ยยยย !!
หลักการง่ายๆก่อนที่จะรอแบบไร้จุดหมายคือดูเดินดูจอที่เขาประกาศว่าแต่ละไฟลท์กระเป๋าอยู่สายพานไหน
พอผ่านทุกอย่างมาแล้วก็จะเจอทางออกจะมีป้ายเขียนว่าไปโน่นนี่นั่นให้เลี้ยวซ้าย แต่ แต่ เราไม่เลี้ยวเราเลี้ยวขวาเลี้ยวก็จะเจอกับบูธสัญญาณโทรศัพท์ Globe
แล้วเดินตรงต่อมาจะเจอจุดนัดพบคือ BAY18 นี่คือจุดนัดพบของเทอมินอล 2 ออกมาจะเจอคนถือป้ายรออยู่ถ้าไม่เจอไม่ต้องตกใจยืนรอแถวนั้นแล้วจะมีคนมาหาเองสถานที่ที่เราจะไปคือสถาบันสอนภาษา Keystone international language center ไว้คราวหน้าจะมาพูดถึงวันแรกในการใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนให้ฟัง
Comments
Post a Comment